วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

ตัวอย่างโปรแกรมทัวร์


เที่ยวเมืองสุพรรณวันเดียวครบทุกรส ชมตลาดเก่าริมแม่น้ำท่าจีนอายุกว่าร้อยปี
ศึกษาธรรมชาติสัตว์น้ำ และการเกษตรแนวใหม่แบบไร้ดิน แล้วแวะไปเยี่ยม 'เพื่อนกลางทุ่ง' ของชาวนา ที่หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย เติมเต็มประสบการณ์หลากหลายรูปแบบ ในวันเดียวเที่ยวสนุก
ถึงเมืองสุพรรณบุรี มุ่งหน้าไปตามทิศที่ตั้ง หอคอยบรรหาร - แจ่มใส ในสวนเฉลิมภัทรราชินี เดินชมภาพจิตรกรรมจากวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผน ซึ่งมีเมืองสุพรรณเป็นฉากสำคัญในท้องเรื่อง ขึ้นชั้นบน ไปส่องกล้องชมวิวมุมสูงบ บนหอคอยบรรหาร - แจ่มใส ถ้าอากาศดีฟ้าโปร่ง จะได้เห็นตึกรามบ้านเรือนในเขตเมือง ไปจนถึงทุ่งนาผืนกว้างที่อยู่ไกลลิบ
เดินตลาดเช้า ฟังคนเก่าเล่าเรื่อง
เดินชมและชิมอาหารย่านตลาดเก่าริมแม่น้ำท่าจีน เริ่มต้นที่ ตลาดศรีประจันต์ แวะคุยกับแม่ค้าขนมทองม้วนอารมณ์ดีริมประตูน้ำ ชอบแบบนิ่มหรือกรอบ สั่งกันหน้าเตาได้เลย หรือจะเลยไปอีกหน่อยก็ที่ ตลาดสามชุก ซึ่งเป็นตลาดชุมชน ที่ใหญ่กว่า ชมบรรยากาศตลาดห้องแถว แวะดูบ้านติดลูกไม้โบราณ ของขุนจำนงค์ จีนารักษ์ นายภาษีเก่า เดินเข้าร้านขายยาดูเครื่องบดยา ตัดยาสมุนไพรในอดีต แต่ละร้านมักจัดมุมอวด 'ของเก่า' ไว้อย่างน่าชม จากนั้นชิมก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด แล้วไปร่วมวงกาแฟกับคุณลุงคุณตาในร้านกาแฟประจำตลาด ก่อนกลับจูงมือกันไปถ่ายรูปแบบโบราณ เป็นที่ระลึกทางร้านบริการจัดส่งให้ถึงบ้าน
ลอดอุโมงค์ปลาน้ำจืด
ขับรถต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง เกือบสุดเขตจังหวัดสุพรรณบุรี ก็จะถึง สถานแสดงพันธุ์ สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติที่ อ.เดิมบางนางบวช ชมปลาน้ำจืดพันธุ์ที่มี ขนาดใหญ่ ที่สุดอย่าง ปลาบึก ปลาหายาก อย่างปลาเสือตอ ปลากะโห้ ฯลฯ ลอดอุโมงค์น้ำ ตื่นตากับปลากว่า ๕๐ ชนิด ตัวใหญ่เล็กนับพันที่ว่ายวน อยู่เหนือศีรษะ โบกมือทักทายกับนักประดาน้ำที่สาธิต การให้อาหาร ผ่านห้องแสดงปลาน้ำจืด 'จากแม่น้ำสู่ทะเล' สะดุดตากับปลาในแนวปะการังสีสันสดใส ทั้งปลาการ์ตูน ปลาโนรี ปลาผีเสื้อ ปลาสิงโต ฯลฯ
บริเวณโดยรอบยังมีกรงเพาะพันธุ์สัตว์ป่าหายาก เช่น เสือโคร่ง เสือปลา แมวดาว สวนนก บ่อจระเข้ ให้เดินไปเที่ยวชม สำหรับผู้สนใจเรื่องผักพื้นบ้าน เชิญตรงไปที่ อุทยานผักพื้นบ้าน มีทั้งไม้ยืนต้น ไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม ไม้เถาที่ชาวไทยเก็บยอด เถา ดอกเป็นผักสวนครัว "เลือกพันธุ์ที่ชอบ เลือกชิมต้นที่ใช่" ศึกษาข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ซื้อต้นพันธุ์ไปปลูกเป็นสวนผักพื้นบ้านไว้รับประทานเองได้
แวะพักเหนื่อยริมบึง หรือจะไปปั่นจักรยานน้ำในบึงกว้างก็ได้ตามอัธยาศัย
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากฯ เปิดบริการทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ ๑๐.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. วันหยุดราชการ ๙.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ๓๐ บาท เด็ก ๑๐ บาท โทร. ๐๓๕ ๔๓๙๒๐๘ - ๙
ปลูกผักในสวนพืชไร้ดิน
ไปทดลองปลูกผัก กินพืชที่โตได้แบบไม่ต้องใช้ดิน ที่ สวนพืชไร้ดินอ.ศรีประจันต์ เปิดมุ้งชมแปลงผักกว่าสิบชนิด ทั้งผักกาดขาวต้นอวบ ผักคะน้าใบเขียวเข้ม และผักสลัดอีกหลายชนิด ค้นพบกรรมวิธีให้สารอาหารต่างๆ ในน้ำที่ไหลผ่านรากผัก ตลอดเวลา นี่เอง…เคล็ดลับความงามของผักไร้ดิน ชอบผักอะไรก็ลงมือปลูกด้วยตนเอง แล้วนำไปดูแลต่อที่บ้าน หรือเลือกซื้อผักสำเร็จรูปก็มีจำหน่าย ภายในบริเวณยังมีแปลง ปลูกไม้ดอกไม้ผลด้วยวัสดุปลูก สามารถเลือกซื้อกลับบ้านได้ทั้งต้นทั้งผล สวนพืชไร้ดิน เปิดให้ชมทุกวัน ตั้งแต่ ๘.๐๐ น. - ๑๙.๐๐ น. โทร.๐๓๕ ๕๖๒๒๐๐ - ๑
ตามหาเจ้าทุยไปถึงถิ่น
แวะเยี่ยมบ้านเจ้าทุย เพื่อนกลางทุ่งของชาวนาไทย ที่หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ชมวิถีชีวิตแบบชาวไทย พื้นบ้าน ร่วมขบวนแห่ขันหมากขึ้นเรือนไปขอเจ้าสาว ตามประเพณีแต่งงานแบบไทย ฟังเพลงพื้นบ้านสนุกๆ อย่างเพลงอีแซว แล้วคึกคักหัวใจ อดที่จะขยับจังหวะ ร่วมไปด้วยไม่ได้ ย้อนอดีตภาพชีวิตกลางทุ่ง ชาวนาจัดแจงแต่งตัวเจ้าทุยก่อนออกไปไถนา ชมการแสดงที่น่ารักชวนขำ ของหนุ่มบ้านนา และเจ้าทุยแสนรู้นับสิบตัวกลางลานกว้าง ฮาเฮกับ 'มุขเด็ด' ของคุณลุงนักพากย์ แทรกอารมณ์ขันประหนึ่งถอดใจเจ้าทุยมาคุยเองไปดูว่าควายยิ้มกับคนยิ้ม ใครน่ารักกว่ากัน แดดร่มลมตก ชวนกันนั่งชมพระอาทิตย์ลับฟ้าในมุมสวยหน้าเรือนคหบดี หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่ ๙.๓๐ - ๑๘.๐๐ น. มีการแสดงเป็นรอบๆ สอบถามได้ที่ โทร. ๐ ๓๕๕๘๒๕๙๑ - ๓ หรือ ๐๒ ๒๗๐ ๐๓๙๕ - ๗ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ๕๐ บาท เด็ก ๓๐ บาท
ท่องแม่น้ำสุพรรณบุรี ดื่มด่ำกับสายน้ำแห่งอาราม
เมืองอู่ข้าวอู่น้ำแห่งที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานี้นับเป็นเมืองใหญ่และเก่าแก่ของภาคกลาง มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์มีคนกลุ่มต่างๆ เข้ามาอาศัยอยู่มากขึ้นส่วนใหญ่ตั้งถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสายน้ำเส้นสำคัญของเมือง ใช้ทั้งอุปโภคบริโภคและการคมนาคม ชุมชนและวันวาอารามเก่าแก่หลายแห่งจึงปรากฏอยู่สองฝั่งแม่น้ำ เรียงรายกันไปแทบไม่ขาดตอนนับเป็นสิ่งสะท้อนรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่เปี่ยมด้วยคุณค่า

สิ่งที่น่าสนใจในเส้นทาง
1. กลุ่มศิลปหัตถกรรมบ้านธรรมกุล ชาวบ้านรวมกันผลิตแจกันดินเผาแนวจิตรกรรมไทย โดยนำแจกันรูปทรงต่างๆมาวาดภาพอย่างสวยงาม แล้วหุ้มด้วยผักตบชวาสาน เป็นการพัฒนารุปแบบให้สวยงามและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ นักท่องเที่ยวที่สนใจผลิตภัณฑ์สามารถเลือกซื้อได้ในราคาไม่แพง
2. วัดพระนอน สิ่งสำคัญภายในวัดคือ พระนอนที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารทรงจัตุรมุขยอดปรางค์ พระพุทธรูปองค์นี้มีพุทธลักษณะพิเศษต่างจากพระนอนทั่วไป คือทำท่านอนหงายพระหัตถ์ประสานวางบนพระองค์ที่มีขนาด 8 ศอก ลักษณะเช่นนี้พบที่เมืองกุสินารา สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าในประเทศอินเดีย นอกจากนี้บริเวณท่าน้ำของวัดยังจัดเป็นเขตอภัยทานและอนุรักษ์พันธุ์ปลา ตั้งชื่อว่า อุทยานมัจฉา
3. วัดแค วัดนี้เป็นวัดที่เกี่ยวข้องกับวรรณคดีสำคัญเรื่องขุนช้างขุนแผน คือเป็นวัดที่เณรแก้ว ( ขุนแผน )มาศึกษาหาความรู้กับสมภารคง เณรแก้วร่ำเรียนจนมีวิชาอาคม เก่งกล้าวิชาหนึ่ง คือใช้ใบมะขามมาเสกเป็นต่อแตนใบมะขามที่ว่า เณรแก้วคงเด็ดมาจากต้นมะขาม ยักษ์ภายในวัดนี้เองไม้ต้นนี้ยังมีอยู่จริงและเป็นต้นไม้อนุรักษ์ของจังหวัดสุพรรณบุรีด้วยใกล้ฝั่งแม่น้ำมีเรือนไทยภาคกลางหลังย่อม เรียกว่า คุ้มขุนแผน เป็นเรือนหมู่สี่หลังล้อมหอกลาง
4. หอคอยบรรหาร - แจ่มใส เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูง 123 เมตร ตั้งเด่นอยู่กลางเมืองในบริเวณสวนเฉลิมภัทรราชินี เมื่อขึ้นไปบนหอคอยจะแลเห็นทิวทัศน์ของเมืองสุพรรณบุรีได้กว้างไกลสุดสายตา
5. วัดพระรูป ภายในวัดเก่าแก่แห่งนี้มีโบราณวัตถุที่สำคัญ คือ พระพุทธไสยาสน์ ขนาดองค์ยาวประมาณ 13 เมตร สูง 3 เมตร สันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 17 - 19 ฝีมือเชิงช่างงดงามมาก โดยเฉพาะพระพักตร์รูปแป้นกลมลักษณะศิลปะแบบอู่ทองรุ่นหลังและยังมีพระพุทธบาทไม้ ด้านหนึ่งจำหลักรอยพระพุทธบาท มีมงคลร้อยแปดประการ อีกด้านหนึ่งจำหลักภาพพุทธประวัติ ตอนมารผจญ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้บนศาลาการเปรียญ
6. ตลาดเก้าห้อง ในอดีตตลาดแห่งนี้เป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญ แม้บรรยากาศจะซบเซามาหลายสิบปี อันเนื่องจากการคมนาคมที่เปลี่ยนไปใช้ถนนแทนทางน้ำ อย่างไรก็ตามตัวอาคารร้านค้าก็ยังคงสภาพแบบเดิมซึ่งหาดูได้ยาก ลักษณะเป็นอาคารไม้สองชั้นปลูกติดกันเป็นห้องแถวยาวหลายสิบห้อง ห้องแถวสองฝั่งนี้เชื่อมด้วยหลังคาคลุมถนนเล็กๆ ที่พาดผ่านอยู่ตรงกลาง กลางตลาดมีหอคอยสูงราวตึกสามชั้น ในอดีตใช้เป็นที่ตรวจส่องพวกโจรในยามค่ำคืน ในตลาดยังมีร้านของกินเกาแก่ฝีมือดีหลายร้าน เช่น ร้านขนมเปี๊ยะ ร้านเป็ดพะโล้ เป็นต้น
7. วัดสวนหงษ์ วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเพราะเป็นวัดของหลวงพ่อปลื้ม หรือพระครูสุมนคณารักษ์พระเกจิอาจารย์ที่มีผู้นับถือมากมาย ท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2545 แต่สังขารยังไม่เน่าเปื่อย ทางวัดจึงได้นำสังขารของท่านใส่ไว้ในโลงแก้วให้ลูกศิษย์ลูกหาได้กราบไหว้ด้านหน้าโลงแก้วมีหุ่นขี้ผึ้งปั้นเป็นรูปเหมือนของท่านด้วย นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์เรือมีเรือรวบรวมไว้หลายสิบลำ ส่วนใหญ่เป็นเรือมาดขุดประเภทแจวจากลำน้ำสุพรรณบุรี เรือแบบอื่นๆ ก็มีให้ชมหลากหลายขณะนี้พิพิธภัณฑ์ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็สามารถขอเข้าชมได้หากมีเวลาแนะนำให้ข้ามฟากแม่น้ำไปซื้อขนมสาลี่ ขนมไทยและปลาแดดเดียวที่ตลาดบางปลาม้า
จุดลงเรือเรือ
ท่องเที่ยวนี้เป็นบริการของร้านอาหาร เรือนแพครัวสุวรรณ เป็นเรือขนาดใหญ่หลายสิบที่นั่ง ติดต่อจองเรือล่วงหน้าที่ โทร 0 3552 3047, 0 3552 4209

ตามลำน้ำไปนมัสการวัดและศาลเจ้า ที่ศรีประจันต์
แม่น้ำท่าจีนที่ไหลผ่านอำเภอศรีประจันต์นั้นไม่ใช่ลำน้ำที่กว้างใหญ่ หรือมีทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยความตื่นตา หากแต่สายน้ำเล็กๆที่เลาะเลื้อยผ่านเรือกสวนไร่นาและชุมชนชนบทอันเงียบสงบนี้ก้คือเสน่ห์ในตัว ทั้งเส้นทางล่องเรือที่ไม่ยาวไกลนักช่วยให้ความสดใหม่จากการเดินทางไม่ทันจางหาย สถานที่สำคัญสองจุดที่เรือจอดแวะทั้งตอนบนคือศาลเจ้าพังม่วง และจุดสิ้นสุดทางตอนล่างคือวัดบ้านกร่าง ที่อยู่ตรงข้ามตลาดศรีประจันต์นั้น สะท้อนให้ผู้มาเยือนเห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมความเชื่อที่ผสมผสานอยู่ในท้องถิ่นเดียวกันอย่างลงตัว สิ่งน่าสนใจในเส้นทาง
1. ศาลเจ้าพังม่วง ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2432 ในรัชกาลที่5 โดยชาวจีนโพ้นทะเลผู้มีจิตศรัทธาได้อัญเชิญกระถางธูปและเทวรูปบูชามาจากเมืองจีนแล้วสร้างศาลเจ้าเป็นอาคารไม้ จนเมื่อปี พ.ศ 2532 สาธุชนได้ร่วมกันสร้างอาคารใหม่ขึ้นแทนเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนมีทรวดทรงแบบสถาปัตยกรรมจีน ตกแต่งประดับประดาด้วยงานปูนปั้นอย่างสวยงามและเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของจีน ไม่ว่าจะเป้นปูนปั้นรูปสัตว์มงคล เช่น มังกร หงส์ เสือ และลวดลายมงคลอื่นๆ เช่น ลายเมฆ ลายดอกไม้ เป็นต้น
2. วัดบ้านกร่าง วัดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของอำเภอศรีประจันต์แห่งนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา สิ่งสำคัญของวัดนอกจากพระเครื่องที่รู้จักกันดีคือ พระขุนแผนพิมพ์ต่างๆ ซึ่งสันนิษฐานว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสร้างหลังจากทรงทำยุทธหัตถีแล้วเดินทัพผ่านเส้นทางนี้ ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธาอย่างสูงคือ " หลวงพ่อแก้ว " ประดิษฐานเป็นพระประธานของวิหารเก่าสมัยอยุธยา บริเวณริมน้ำมีเจดีย์ทรงย่อมุขไม้สิบสองสีขาว สร้างในสมัยรัชกาลที4 เดิมองค์พระเจดีย์ตั้งอยู่กลางแม่น้ำ แต่ด้วยกระแสน้ำที่เปลี่ยนไปผ่านตามกาลเวลา ทำให้แผ่นดินงอกออกมาจนบรรจบกับพระเจดีย์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
จุดลงเรือ
ผู้สนในล่องเรือในเส้นทางนี้จะต้องมาเป็นหมู่คณะอย่างน้อย 10 คขึ้นไป เรือที่ให้บริการเป็นเรือใหญ่ขนาด 70 ที่นั่ง โดยติดต่อล่วงหน้ากับหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย โทร 0 3558 2591-3, 0 2619 6326-9

ไม่มีความคิดเห็น: